สถานที่ตั้ง
ประวัติความเป็นมาและการปฏิสังขรณ์
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นองค์พุทธศาสนูปถัมกกและมีพระ
ราชศรัทธาในการสร้างวัดเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ได้ทรงสร้างวัดขึ้นใหม่และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ทั่วประเทศ วัดนางชีเป็นหนึ่งในจำนวน
25
วัด ที่พระมหากษัตริย์และขุนนาง
บูรณะปฏิสังขรณ์ดังปรากฏในพระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่
3
ฉบับเจ้าพระยาทิพากร
วงศ์ ว่า
“
พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (จ๋อง) บูรณะวัดนางชี วัด 1
วัดในคลองบางยี่ขัน ซึ่งเป็นวัดของมารดา
ท่าน
1 วัด วัดคูหาสวรรค์นั้นโปรดให้เจ้าพระยามหาโยธาไปบูรณะขึ้นวัด 1…
รวมเจ้าและขุนนางสร้าง
ขึ้นทั้งสิ้น
5 วัด บูรณะวัด 25 วัด รวม 30 วัด ที่ถวายเป็นพระอารามหลวงก็ได้พระราชทานเงินช่วย
”
การบูรณะการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่
3
ไม่ปรากฏหลักฐานการบูรณะทราบแต่ศิลปวัตถุใน
วัดสร้างตามสถาปัตย์แบบจีนซึ่งเป็นศิลปนิยมในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก เห็นได้จากพระบาทสมเด็จพระ
นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งทำกระเบื้องเคลือบรูปเรือสำเภาจากประเทศจีน จำนวน
2
คู่ แล้วพระราชทาน
ให้กับวัดนางชี
1
คู่ เพื่อใช้ประดับหน้าบันพระวิหารที่สร้างตามศิลปะแบบจีน คือไม่มีชื่อฟ้า ใบระกา
และหางหงส์ นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานเสาหินเทียบเรือพระที่นั่ง ซึ่งทรงสั่งทำจากประเทศจีนด้วย
ปัจจุบันทางวัดได้นำขึ้นมาตั้งเป็นป้ายหน้าวัด
ในการปฏิสังขรณ์วัดนางชีนั้น พระยาโชฎึกราชเศรษฐี
(จ๋อง)
ก็ได้ร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์ด้วย
โดยทำเป็นศิลปะแบบจีนประดับประดาด้วยเครื่องเคลือบลวดลายของจีนทั้งหมด ตลอดจนได้นำเอา
ตุ๊กตาหินแบบจีน เช่น ถ้วยถาม รูปกระจก ลายเขียน กาน้ำร้อน หรือปั้นน้ำร้อนแบบจีน ประเภทกังไส
ซึ่งปรากฏอยู่ทุกวัน นอกจากนี้ ท่านยังได้ถวายเตียงไม้มะเกลือประดับมุกและหินอ่อนตจำนวน
1
หลัง
ลับแลหรือฉากบังเตียงแกะฉลุลายไทย ฝีมือจีน มีผ้าแพรปักใหมเป็นรูปเขา ไม้ และรูปสัตว์ต่าง ๆ
จำนวน
2
บาน ปัจจุบันอยู่ในพระวิหาร
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2411-2453)
พระ
องค์ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราชลมารค มาวัดนางชี ใน พ
.ศ. 2478
ดังปรากฏใน
หนังสือ
COURT ข่าวราชการ เจ้านาย 11 พระองค์ช่วยกันแต่งว่า
“
ณ วัดพฤหัสบดี แรม 14 คำ เดือน 11 ปีกุน สัปตศก จุลศักราช 1237
เวลาเที่ยงเศษ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชาดำเนินออกทางทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับเกย
ทรงพระราชยานไปประทับท่าเรือวรดิษฐ์ เสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เรือ
พระที่นั่งสุพรรณหงส์เปนเรือไชยเดิรพระบวรไปเข้าคลองบางเหลวงแล้วออกทางด่านไปประทับวัดนาง
ชี ซึ่งจะเสด็จพระราชทานพระกฐินเปนที่
1 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ จมื่นประธานมณเฑียร 1
จ่า
ชำนาญ
1 ไปเกาะตัวพระยารามคำแหง ซึ่งขาดเรือกลงอแขกนำเสด็จนั้นมาลงอาญา 3
พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุพดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว นายบำเรออ่านจำนวนพระ
สงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้นทูลเกล้าฯ ถวาย จำนวนพระสงฆ์พระอารามนั้น พระครุถานุกรม
2
อันดับเรียนรคันถธุระ
10 อันดับ เรียนวิปัสนาธุระ 10 อันดับ เล่าสวดมนต์ 8 รวมพระสงฆ์ 31
รูป มาก
3
กว่าปีจอฉศก
6 รูป พระสงฆ์จำพรรษาปีจอฉศก 25
รูป ครั้นอ่านถวายแล้ว จึงพระราชทานผ้าห่มพระ
พุทธรูปด ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเอาไปห่มพระพุทธรูป แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ
24
เล่ม ให้พระ
องค์เจ้าโสภบันทิตทรงประเคนพระสงฆ์แล้วทรงถวายกฐิน ครั้นทรงจบพระสงฆ์ก็รับสาธุ แล้วทรงยก
พระไตรไปตั้งริมอาสน พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ก็ว่าคำปฤกษาพระสงฆ์ ครั้นจบพระสมุห์ก็ว่า เห็นสม
ควรแก่พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ พระสงฆ์ ก็รับมาสาธุพร้อมกัน พระสงฆ์สองรูป จึงสวดให้พระกฐิน
ด้วยฯตติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชทานไตรปีแก่ถานานุกรม
2
รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้าเสร็จ พระครูสุทธิศีลาจารย์ก็กรานกฐินด้วยผ้าสังฆากิ แล้วพระสงฆ์ก็
อนุโมทนากฐิน ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลถวายเครื่อง
บริขาร พระสงฆ์ก็สวดอนุโมทนาทานเสร็จแล้ว พระพินิตพินัยวัดราบบูรณะก็ถวายอติเรกพระสงฆ์สวด
ภะวะตุสัพจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรือพระที่นั่งไปประทับฉนวนวัดหนังซึ่งจะเสด็จ
พระราชดำเนินทรงทอดพระกฐินวัดหนังเปนวัดที่
2 ”
*
หมายเหตุ
หนังสือ
COURT ข่าวราชการ เจ้านาย 11 พระองค์ช่วยกันแต่ง, เล่ม 1, พิมพ์ครั้งที่ 2, (
ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้า ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชพิธี ถวายเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนค
รินทราบรมราชกุมารี กรุงเทพฯ
: สำนักราชเลขาธิการ, 2539) หน้า
152 - 153
และในปี พ
.ศ. 2423
ได้เสด็จพระราชทานพระกฐิน ดังปรากฏในจดหมายเหตุราชกิจรายวันว่า
“
วันที 4774 วันจันทร์ แรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง โทศก จุลศักราช
1242
เวลาบ่าย
2
โมง ทรงเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ์ เรือสุวรรณเหราเป็นพระที่นั่งรอง เรือ
ไชยสุวรรณหงส์เป็นเรือผ้าไตร เสด็จพระราชดำเนินเข่าคลองบางกอกใหญ่เลี้ยวด้านประดับวัดนางชี ที่
1
โปรดให้พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายของ แล้วพระราชทานผ้าไตรผ้ากฐิน ให้ทูลกระหม่อมพระองค์
ใหญ่ไปทอดกฐินวัดหนัง โปรดให้ทูลกระหม่อมพระองค์น้อยไปทอดกฐินวัดนางนอง แล้วเสด็จวัดราช
โอรส โปรดให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญเอาไตรปีไปไถวายพระสังวรวิมล ซึ่งพาธอยู่ลงไม่ได้โปรดให้
เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์เข้าไปเฝ้าพระอุโบสถแล้วโปรดให้กรมขุนเจริญผลถวายของ แล้วเสด็จกลับ
เวลาบ่าย
3
โมง
วันนี้ทรงฉลองพระองค์ฟรอกโค๊ต เจ้านายและข้าราชการแต่งอีวนิงเดรส
”
นอกจากนี้ในรัชกาลที่
5 มีหลักฐานปรากฏว่า ใน พ.ศ. 2443
พระครูวิสุทธศีลาจารย์ เจ้าอาวาส
ได้สร้างกันสาดด้วยสังกะสีรอบพระอุโบสถ เพื่อป้องกันน้ำฝนสาดฝนังและหน้าต่าง ต่อมาใน พ
.ศ
.
2448
ได้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ เสนาสนะต่าง ๆ ที่ชำรุดหักพังให้ดีขึ้นเรื่อย
มา เห็นได้จากสมัยเจ้าอาวาสรูปที่
10 พระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน พ.ศ. 2454)
ได้สร้างศาลาการเปรียญ
ขึ้นที่ริมคลองด่าน ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง มีขนาดกว้าง
8 วา ยาว 12
วา หลังคามุงกระเบื้องแบบทรงไทย
4
ประดับใบระกาและหางหงส์ครบถ้วน และสร้างศาลาโรงธรรม มีอาสนาสงฆ์เป็นที่สำหรับตั้งศพบำเพ็ญ
กุศล
(ปัจจุบันได้รื้อไปแล้ว 2 หลัง เพราะชำรุดโทรดโทรมมาก
)
ต่อมาในสมัยเจ้าอาวาสรูปที่
14 พระครูประสาทสมาธิคุณ (วิชัย,พ.ศ.2521 - 2534)
ได้บูรณะ
ปฏิสังขรณ์และก่อสร้าง ดังปรากฏตามรายการต่อไปนี้
พ
.ศ. 2522 สร้างกำแพงล้อมสุสานของวัด ยาว 40 เมตร สูง 3
เมตร พร้อมกับซื้อดินและ
ทราย ถมพื้นที่ในเนื้อที่
600 ตารางวา สิ้นค่าก่อสร้างและถมที่เป็นเงิน 500,000
บาท
พ
.ศ. 2523 ปฏิสังขรณ์กุฏิเจ้าอาวาส เป็นกุฎิหมู่ลักษณะเป็นตึก เป็นเงิน 340,000
บาท
พ
.ศ. 2524 สร้างเขื่อนหน้าวัด ยาว 160 เมตร พร้อมทั้งถมดิน เป็นเงิน 300,000
บาท
พ
.ศ. 2526 สร้างกุฏิทรงไทย 2 ชั้น เป็นเงิน 150,000 บาท สร้างห้องน้ำห้องส้วม 1
ห้อง
เป็นเงิน
50,000
บาท
พ
.ศ. 2529 สร้างเขื่อนกั้นดิน เพื่อป้องกันน้ำท่วม พร้อมทั้งถมดิน เป็นเงิน 530,000
บาท
พ
.ศ. 2530 สร้างกุฏิคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมกับทำกำแพงล้อมรอบ เป็นเงิน
500,000
บาท สร้างเขื่อนหน้าวัด ยาว
20 เมตร เป็นเงิน 50,000 บาท ซ่อมประตูด้านหน้าพระวิหาร 2
ช่อง เขียน
รายลดน้ำรูปเซี่ยวกางเหยียบสิงห์ตามลายเดิม เป็นเงิน
50,000
บาท สร้างรั้วหน้าวัดพร้อมทั้งประดับโคม
ไฟ เป็นเงิน
30,000 บาท สร้างป้ายหน้าวัดด้วยหินอ่อนเป็นเงิน 50,000
ยกเสาหงส์ที่จมอยู่ใต้ดิน ให้ตั้ง
ใหม่สิ้นค้าแรงงานและค่าตกแต่งเป็นเงิน
50,000
บาท
พ
.ศ. 2531 ซ่อมธรรมาสน์เทศน์ เป็นเงิน 100,000
บาท